เมนู

พักกุละ. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด 80 พรรษา ไม่รู้
จักใช้ศาสตราตัดจีวร...ไม่รู้จักใช้เข็มเย็บจีวร...ไม่รู้จัก ใช้เครื่องย้อมจีวร...
ไม่รู้จักเย็บจีวรในสะดึง...ไม่รู้จักจัดทำจีวรของเพื่อนภิกษุร่วมประพฤติพรหม-
จรรย์ด้วยกัน ...ไม่รู้สึกยินดีกิจนิมนต์...ไม่รู้สึกเคยเกิดจิตเห็นปานนี้ว่า ขอ
ใคร ๆ พึงนิมนต์เราเถิด ... ไม่รู้จักนั่งในละแวกบ้าน...ไม่รู้จักฉันอาหารใน
ละแวกบ้าน...ไม่รู้จักถือเอานิมิตของมาตุคามโดยอนุพยัญชนะ ...ไม่รู้จัก
แสดงธรรมแก่มาตุคามแม้ที่สุดคาถา 4 บาท ...ไม่รู้จักเข้าไปสู่สำนักของ
ภิกษุณี ...ไม่รู้จักแสดงธรรมแก่ภิกษุณี...ไม่รู้จักแสดงธรรมแก่สิกขมานา...
ไม่รู้จักแสดงธรรมแก่สามเณรี...ไม่รู้จักให้บรรพชา...ไม่รู้จักให้อุปสมบท...
ไม่รู้จักให้นิสสัย ...ไม่รู้จักใช้สามเณรอุปัฏฐาน...ไม่รู้จักอาบน้ำในเรือนไฟ
...ไม่รู้จักใช้จุณอาบน้ำ...ไม่รู้จักยินดีการนวดฟั้นตัวของเพื่อนภิกษุร่วมประ-
พฤติพรหมจรรย์ด้วยกัน...ไม่รู้จักเคยเกิดอาพาธที่สุดแม้ชั่วขณะรีดนมโค
สำเร็จ... ไม่รู้จักฉันยาที่สุดแม้ชิ้นสมอ. . .ไม่รู้จักอิงพนัก. ..ไม่รู้จักสำเร็จการ
นอน.
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้จักสำเร็จการนอนชั่วเวลา 80
พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่าเป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้น่าอัศจรรย์
ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง.

ว่าด้วยความอัศจรรย์


[384] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด 80 พรรษา ไม่รู้
จักจำพรรษาในเสนาสนะในละแวกบ้าน.
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ไม่รู้จักจำพรรษาในเสนาสนะในละแวก
บ้าน ชั่วเวลา 80 พรรษา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็น
ไปได้ น่าอัศจรรย์ ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง.

พักกุละ. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เราได้เป็นผู้ยังมีกิเลสต้องรณรงค์ฉัน
บิณฑบาต ของชาวแว่นแคว้น เพียง 7 วัน เท่านั้น ต่อวันที่ 8 พระอรหัตผล
จึงเกิดขึ้น.
อเจล. ข้อที่ท่านพระพักกุละ ได้เป็นผู้ยังมีกิเลสต้องรณรงค์ฉัน
บิณฑบาต ของชาวแว่นแคว้นเพียง 7 วันเท่านั้น ต่อวันที่ 8 จึงเกิดพระอรหัต
ผลขึ้น นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้ น่าอัศจรรย์
ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง.
[385] อเจล. ข้าแต่ท่านพระพักกุละ ขอข้าพเจ้าพึงได้บรรพชา
ได้อุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้เถิด.
ปริพาชกชื่ออเจลกัสสปะ ได้บรรพชา ได้อุปสมบทในพระธรรมวินัย
นี้แล้วแล ก็แหละท่านพระกัสสปะอุปสมบทแล้วไม่นาน เป็นผู้ผู้เดียวหลีกออก
ไม่ประมาท มีความเพียร ส่งคนไปในธรรมอยู่ ไม่ช้าเท่าไร ก็ได้เข้าถึง
ประโยชน์ที่กุลบุตรทั้งหลาย ผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการ
อันไม่มีประโยชน์อื่นยิ่งกว่า เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่ง
ด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ได้รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่
จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แล
ท่านพระกัสสปะได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแล้ว.
[386] ครั้นสมัยต่อมา ท่านพระพักกุละ ถือลูกดาลเข้าไปยังวิหาร
ทุก ๆ หลัง แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า นิมนต์ท่านผู้มีอายุออกมาเถิด ๆ วันนี้จักเป็น
วันปรินิพพานของเรา.
ท่านพระกัสสปะกล่าวว่า ข้อที่ท่านพระพักกุละ ถือลูกดาลเข้าไปยัง
วิหารทุก ๆ หลัง แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า นิมนต์ท่านผู้มีอายุออกมาเถิด ๆ วันนี้

จักเป็นวันปรินิพพานของเรา นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่า
เป็นไปได้ น่าอัศจรรย์ ของท่านพระพักกุละ ประการหนึ่ง.

ว่าด้วยที่สุดความอัศจรรย์


[387] ครั้งนั้นแล ท่านพระพักกุละ นั่งปรินิพพานแล้วในท่าม
กลางภิกษุสงฆ์.
ท่านพระกัสสปะกล่าวว่า ข้อที่ท่านพระพักกุละนั่งปรินิพพานแล้วใน
ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ นี้ พวกข้าพเจ้าจะทรงจำไว้ว่า เป็นธรรมไม่น่าเป็นไปได้
น่าอัศจรรย์ ของท่านพระพักกุละ อีกประการหนึ่ง.
จบ พักกุลัตเถรัจฉริยัพภูตสูตร ที่ 4